เมื่อนึกถึงการเช่ารถระยะยาว คนส่วนใหญ่คิดว่าการเช่ารถยนต์ (และบริษัทลีสซิ่ง) จะเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นจึง อาจคิดว่าค่าเช่ารายเดือนยิ่งถูกก็ยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ?

                ในความเป็นจริงแม้บางบริษัทอาจเสนอค่าเช่ารายเดือนที่ถูกกว่าบริษัทอื่นๆ เพียงเพื่อโน้มน้าวให้คุณเช่ารถกับเขาในระยะยาว มันก็จริงที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจช่วยให้คุณประหยัดได้ในหลักร้อยบาทต่อเดือน แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคตอาจส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ที่คาดไม่ถึง) และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของพนักงาน รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจของคุณได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณควรระวังเมื่อต้องเลือกผู้ให้บริการเช่ารถระยะยาว (บริษัทลีสซิ่ง) ควรพิจารณาจาก 5 สิ่งนี้

1. ความน่าเชื่อถือของบริษัทลีสซิ่ง

บริษัทลีสซิ่งที่ดีควรเป็นเจ้าของรถที่คุณเช่าจากพวกเขา อย่างน้อยที่สุด หากบริษัทเลือกที่จะทำลีสซิ่งหรือเช่าซื้อรถ (ที่คุณเช่าอยู่) จากธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์อื่น คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขามีความมั่นคงทางการเงิน เพราะหากบริษัทลีสซิ่งของคุณไม่สามารถจ่ายค่างวดรายเดือนให้กับธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์นั้น อาจยึดรถของคุณ แม้ว่าคุณจะจ่ายเงินให้กับบริษัทลีสซิ่งตรงเวลาก็ตาม

2. บริการซ่อมบำรุง

การบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่ารถที่คุณเช่าขับขี่ได้ตามปกติ บางบริษัทเพิกเฉยต่อสิ่งนี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย หรือแย่กว่านั้นคือการเรียกเก็บเงินเพิ่มกรณีเกิดการซ่อมแซมครั้งใหญ่ เนื่องจากไม่ได้ตั้งงบประมาณเพียงพอที่จะชำระค่าซ่อมแซมเหล่านั้น ในทางเดียวกันบริษัทลีสซิ่งที่ดีควรคาดการณ์ล่วงหน้า และส่งการแจ้งเตือนอย่างสม่ำเสมอเมื่อถึงเวลาที่ต้องได้รับการซ่อมบำรุง

3. การเปลี่ยนยาง

ยางที่ถูกควรเปลี่ยนเป็นยางสเปคเดียวกับรถที่ออกมาจากโรงงาน จากประสบการณ์ของเรายางเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากยางจำเป็นต้องเปลี่ยนตามรอบที่กำหนด แต่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายบางบริษัทจะกำหนดยางสำหรับการเปลี่ยนด้วยเกรดที่ต่ำกว่า โดยยางเหล่านี้อาจไม่เหมาะสมกับรถของคุณหรืออาจใช้งานได้ไม่ดี ทำให้ผู้ขับขี่รถคันนั้นมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

4. เงื่อนไขประกันภัย

สิ่งสำคัญสองประการที่คุณควรระวัง มีดังนี้

    4.1 ทุนประกันภัย

    คือจำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายหากรถถูกขโมยหรือเสียหายจนถึงจุดที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หากจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่เพียงพอ คุณจะต้องชำระเงินส่วนต่างทั้งหมดที่ค้างในสัญญาเช่าให้กับบริษัทลีสซิ่งในกรณีเกิดอุบัติเหตุหนัก

    4.2 ค่า Deductible

    คือจำนวนเงินที่คุณจะต้องจ่ายทุกครั้งที่คุณทำการเคลมประกันกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด ซึ่งโดยปกติประกันที่บริษัทลีสซิ่งเสนอไม่ควรมี Deductible แต่บางแห่งทำ Deductible เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกัน คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถที่คุณเช่าไม่มีการทำ Deductible ไม่อย่างนั้น คุณจะต้องจ่ายเงินออกจากกระเป๋าทุกครั้งเมื่อคุณต้องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

    5. การเคลมยาง

    ความคุ้มครองของประกันควรรวมยางด้วยหากได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ แต่มีกรมธรรม์ประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายของยางด้วยหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง คล้ายกับข้างต้น (ข้อ 4.) คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าความคุ้มครองของประกันสำหรับรถยนต์ที่เช่าของคุณครอบคลุมยางด้วย เพราะโดยปกติประกันจะจ่ายให้ 50% และอีก 50% บริษัทลีสซิ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นบริษัทลีสซิ่งบางแห่งมักจะเรียกเก็บ 50% ของค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับคุณเสมอ

    แน่นอน อาจมีรายการอื่น ๆ ที่คุณอาจต้องพิจารณาเมื่อเลือกบริษัทลีสซิ่ง แต่สิ่งเหล่านี้เป็น 5 รายการที่สำคัญที่สุด และบริษัทลีสซิ่งใช้การประนีประนอมเพื่อลดค่าเช่า/ค่าใช้จ่ายของบริษัท หากคุณต้องการคำแนะนำในการเลือกรถเช่าที่เหมาะสมสำหรับคุณ ไทยโอริกซ์เราพร้อมให้บริการสินเชื่อลีสซิ่งสามารถติดต่อเราได้ที่เบอร์ 02-792-4500

    WRITTEN BY

    Chortip.O

    แชร์บทความนี้
    แชร์บทความนี้