1. Private PPA Vs ลงทุนเอง อันไหนดี?

ปัจจุบันแผงโซล่าร์เซลล์มีราคาเริ่มถูกลง ในขณะที่ค่าไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์ กลายเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากช่วยให้คุณประหยัดเงินแล้วยังช่วยโลกได้ในเวลาเดียวกัน และในท้องตลาดการติดแผงโซล่าร์เซลล์มี 2 ทางเลือกให้คุณได้ตัดสินใจ คือ 1. Private PPA และ 2. การลงทุนซื้อด้วยตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือทางเลือกไหนล่ะที่จะเหมาะกับคุณ

โดยปกติเวลาที่คุณต้องการติดตั้ง Solar cell คุณคงต้องจ้างผู้รับเหมา หรือที่เราเรียกกันว่า EPC (Engineering Procurement and Construction) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบออกแบบ จัดซื้ออุปกรณ์ และติดตั้งโซลาร์เซลล์ตามความต้องการของคุณพร้อมเสนอบริการที่เหมาะสม ซึ่งจะเสนอทางเลือกให้ 2 รูปแบบคือ

  1. Private PPA คือการที่ EPC จะลงทุนติดตั้งโซล่าร์เซลล์ให้กับคุณ โดยคุณจะจ่ายเพียงค่าไฟฟ้าที่อัตรา ของ กฟน./กฟภ. หลังหักส่วนลดที่ EPC เสนอ
  2. การจ้าง EPC ติดตั้งและบำรุงรักษาโซล่าร์เซลล์ให้กับคุณ โดยที่คุณเป็นคนลงทุนเองและเป็นเจ้าของโซล่าร์เซลล์ตั้งแต่วันแรก
หัวข้อ Private PPA Self-Investment
กรรมสิทธิ์ EPC ลูกค้า
การบำรุงรักษา EPC ดูแล ลูกค้ารับผิดชอบ หรือ EPC ดูแล
เงินที่ประหยัด ส่วนลดค่าไฟที่ผู้ให้บริการเสนอให้ ประหยัดค่าไฟ โดยใช้ไฟจากที่โซล่าร์ผลิต
เงินลงทุน ไม่ต้องลงทุนเอง ลงทุนเอง
สิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดหย่อนเป็นค่าเสื่อมได้
ได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีจาก BOI

ไม่ว่าจะเป็นการทำ Private PPA หรือการลงทุนเองก็ดีทั้งนั้น แต่เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าตัวเลือกไหนดีที่สุดสำหรับคุณ คุณควรพิจารณาจากสามสิ่งนี้

  1. คุณมีเงินสดเพียงพอที่จะลงทุนใน Solar cell หรือไม่?
  2. การเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้ามีผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรของคุณหรือไม่?
  3. คุณเป็นเจ้าของอาคาร หรือมีสัญญาเช่าอาคารระยะยาว (มากกว่า 10 ปี) หรือไม่?

2. Private PPA ลงทุน 0 บาท ส่วนลดค่าไฟที่ถูกกว่า

PPA ย่อมาจาก Power Purchase Agreement เป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างคุณกับบริษัท EPC (ผู้ลงทุนติดตั้ง Solar cell ให้กับคุณ) โดยที่คุณจะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าตามที่ EPC กำหนด และมีระยะเวลาสัญญาโดยทั่วไปคือ 10-20 ปี จนเมื่อสิ้นสุดสัญญาคุณจะกลายเป็นเจ้าของ Solar cell โดยอัตโนมัติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2.1 Private PPA ช่วยประหยัดไฟยังไง

ตัวอย่างการคำนวน

หัวข้อ ก่อนทำ Solar PPA หลังทำ Solar PPA
(ส่วนลด 20%)
1. ไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด 46,508 kWh /เดือน 46,508 kWh /เดือน
2. หน่วยค่าไฟฟ้า 5.37 บาท/kWh 4.30 บาท/kWh
3. ค่าไฟฟ้าต่อเดือน (1. x 2.) 250,000 บาท/เดือน 200,000 บาท/เดือน
4. ประหยัดค่าไฟ/เดือน 50,000 บาท/เดือน
5. ประหยัดค่าไฟ/15 ปี 9,000,000 บาท

สมมติว่าคุณใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในเวลากลางวันเท่ากับ 46,508 kWh /เดือน

หน่วยค่าไฟฟ้าในเวลากลางวัน ของ กฟภ. เท่ากับ 5.37 บาท/kWh

ดังนั้น ค่าไฟต่อเดือนของคุณจะเท่ากับ 250,000 บาท/เดือน [46,508 kWh /เดือน x 5.37 บาท/ kWh]

สมมติว่า EPC เสนอส่วนลดให้กับคุณ 20% เมื่อเทียบกับอัตรา ของ กฟน./กฟภ. คุณจะประหยัดค่าไฟได้ ดังนี้

หน่วยค่าไฟฟ้าเมื่อติดตั้ง solar cell จะเท่ากับ 4.30 บาท/ kWh [5.37 บาท/ kWh x (100% – 20%)]

ค่าไฟต่อเดือนเมื่อคุณติดตั้งแผงโซลาร์ เท่ากับ 200,000 บาท/เดือน [46,508 kWh /เดือน x 4.30 บาท/ kWh]

*kWh = กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ดังนั้น คุณจะประหยัดค่าไฟหลังติดตั้งแผงโซลาร์ถึง 50,000 บาท/เดือน (250,000 – 200,000 บาท) ซึ่งเท่ากับว่าคุณจะสามารถประหยัดได้กว่า 9 ล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี โดยที่ไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า

*ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการคำนวนคร่าวๆ ควรติดต่อ EPC ในการคำนวนจริง*

2.2 ข้อดีของ Private PPA

  • ไม่ต้องลงทุนเอง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
  • ประหยัดค่าไฟได้ 10-30% เมื่อเทียบกับหน่วยค่าไฟของ กฟน./กฟภ.

2.3 ข้อเสียของ Private PPA

  • หน่วยค่าไฟอ้างอิงตาม กฟน./กฟภ. ซึ่งหากมีการปรับขึ้นก็จะทำให้หน่วยค่าไฟฟ้าของเราเพิ่มขึ้นตาม
  • ระยะเวลาของสัญญาปกติจะอยู่ที่ 10-20 ปี ซึ่งหากคุณมีสัญญาเช่าอาคารที่น้อยกว่า 10 ปี EPC อาจจะมองว่าไม่คุ้มค่าในการลงทุน หรือส่งผลให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าต่อเดือนของคุณจาก EPC มีจำนวนน้อยลง

3. Self-Investment คืนทุนไวประหยัดไฟ 100%

ปัจจุบันด้วยต้นทุนแผงโซลาร์เซลล์ในตลาดมีราคาถูกลง ประกอบกับหน่วยค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การลงทุนซื้อโซล่าร์เซลล์ด้วยตัวเองเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าหากคุณมีเงินสดเพียงพอพร้อมลงทุนล่วงหน้า เพราะคุณจะประหยัดค่าไฟได้มากกว่า Private PPA

3.1 ลงทุน Solar cell เองช่วยคุณประหยัดยังไง

ตัวอย่างการคำนวน

หัวข้อ ก่อนติดตั้ง Solar cell หลังติดตั้ง Solar cell
(ลงทุนเอง)
ไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด 46,508 kWh /เดือน 46,508 kWh /เดือน
หน่วยค่าไฟฟ้า 5.37 บาท/ kWh 0 บาท/ kWh
ค่าไฟฟ้าต่อเดือน (1. x 2.) 250,000 บาท/เดือน 0 บาท/เดือน
ประหยัดค่าไฟ/เดือน 250,000 บาท/เดือน
ประหยัดค่าไฟ/15 ปี 45,000,000 บาท

สมมติว่าคุณใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในเวลากลางวันเท่ากับ 46,508 kWh /เดือน

หน่วยค่าไฟฟ้าในเวลากลางวัน ของ กฟภ. เท่ากับ 5.37 บาท/ kWh

ดังนั้น ค่าไฟต่อเดือนของคุณจะเท่ากับ 46,508 kWh /เดือน x 5.37 บาท/ kWh = 250,000 บาท/เดือน

หากคุณลงทุนติดตั้ง Solar cell เอง คุณจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 6,200,000 บาท

ในระยะเวลา 15 ปี คุณจะประหยัดได้กว่า 43 ล้านบาท!

สมมติว่าค่าไฟฟ้าของคุณคงที่ 250,000 ต่อเดือน ในระยะเวลา 15 ปีคุณจะประหยัดถึง 45,000,000 บาท

หลังหักค่าซ่อมบำรุงประมาณ 10,000 บาท/เดือน (1,800,000 บาท สำหรับ 15 ปี)

คุณจะประหยัดค่าไฟจริงๆอยู่ที่ 43,200,000 บาทนั่นเอง

หากคุณมองว่ามันคือการลงทุนในแผงโซล่าร์เซลล์ คุณจะมีผลตอบแทน (IRR) สูงถึง 46% ต่อปี และมีจุดคุ้มทุนภายใน 3 ปี!

*ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการคำนวนคร่าวๆ ควรติดต่อ EPC ในการคำนวนจริง*

3.2 ข้อดีของ Self-Investment

  • ประหยัดค่าไฟได้สูงสุด
  • หน่วยค่าไฟฟ้าจะไม่ขึ้นลงตาม กฟน./กฟภ. ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเพิ่มอัตราหน่วยค่าไฟ
  • ไม่ต้องมีสัญญาผูกมัดกับ EPC หรือผู้ลงทุนให้ซึ่งมีเวลาตั้งแต่ 10-20 ปี

3.3 ข้อเสียของ Self-Investment

  • ต้องลงทุนเองซึ่งเป็นเงินก้อนจำนวนมาก

จะเห็นว่าการ Self-Investment ลงทุนเองจะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า แต่ต้องใช้เงินก้อนจำนวนมากในการลงทุน ซึ่งหากคุณมีเงินสดไม่มากพอที่จะลงทุนด้วยตัวเองคุณจะทำอย่างไร?

คุณไม่ต้องกังวลไป เพราะไทยโอริกซ์เรามีบริการลีสซิ่งโซล่าร์เซลล์ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนเงินก้อนจำนวนมากในทีเดียว แต่คุณสามารถผ่อนชำระรายเดือนด้วยค่างวดที่ต่ำกว่าผลกำไรที่คุณจะได้รับ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่มเติม ในทางกลับกันหากคุณมองว่าการทำ Solar PPA เหมาะกับกิจการของคุณมากกว่า เราก็สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกกลุ่มบริษัท EPC ให้กับคุณได้เช่นกัน

ไทยโอริกซ์เราพร้อมให้บริการสินเชื่อลีสซิ่ง ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน 40 กว่าปี ในประเทศไทยและยังเป็นเจ้าเดียวที่ให้บริการสินทรัพย์ลีสซิ่งที่หลากหลายและครบวงจรที่สุด สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์ 02-792-4500

WRITTEN BY

Chortip.O

แชร์บทความนี้
แชร์บทความนี้